มีรูปร่างคล้ายแมวบ้าน แต่มีขนาดใหญ่กว่าและขายาวกว่าเล็กน้อย หูตั้งยาว มีขนสีดำที่ปลายหูเป็นพู่ ด้านล่างของโคนหูสีส้มแกมเหลือง ขนใต้ท้องมีสีอ่อนเกือบขาว ตามตัวไม่มีลาย แต่ที่ขามีลายบ้าง หางมีลายเป็นปล้องดำและหางค่อนข้างสั้น
มีรูปร่างผอมเพรียว สีตามลำตัวเรียบ ไม่มีลวดลาย มีสีสันหลายแบบ ตั้งแต่สีทราย เทาอมเหลือง น้ำตาลอมเทา หรือน้ำตาลอมแดง ส่วนล่างของลำตัวมีสีครีมหรือน้ำตาลแดงอ่อน ๆ ขายาวเรียว มีลายเส้นตามขวางจาง ๆ ซึ่งเห็นได้ชัดในวัยเด็ก แต่เมื่อโตขึ้นจะจางลง แมวที่อยู่ค่อนข้างไปทางใต้จะมีเส้นที่ขานี้จางกว่าแมวที่อยู่ทางตอนเหนือ ในฤดูหนาวขนตามลำตัวจะหนาและเข้มขึ้น หัวค่อนข้างแคบและมีหน้าผากโหนกสูง จมูกและคางมักมีสีขาว หูใหญ่ ตั้งสูงและกลม ค่อนข้างชิดกัน ปลายหูมีขนเป็นกระจุกสีดำ ยาวถึง 15 มม. ม่านตาสีเหลืองสว่าง บางพันธุ์มีเส้นน้ำตาจาง ๆ อยู่ใต้ตา หางค่อนข้างสั้น ยาวประมาณ 27 เซนติเมตร หรือประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ของความยาวหัว-ลำตัว มีลายเป็นปล้อง ปลายหางดำ
มีความยาวถึง 75 เซนติเมตร ค่อนข้างใหญ่กว่าแอฟริกาหรือแมวป่าเอเชีย (Felis silvestris) ตัวผู้เต็มวัยมีน้ำหนักประมาณ 4.6-7.6 กก. ตัวเมียหนักประมาณ 3.1-5.3 กก. ตัวผู้อายุมากตัวหนึ่งถูกจับได้ในป่าสงวนอัสตราฮันในรัสเซียมีน้ำหนักถึง 13 กิโลกรัม ที่หนักที่สุดที่เคยบันทึกไว้หนักถึง 16 กิโลกรัม ลูกแมวจะมีจุดทั่วตัวแต่จะจางหายไปเมื่ออายุได้ราว 6 เดือน
หากินได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แต่มักออกหากินในเวลากลางวันมากกว่า หากินบนพื้นดินเป็นหลัก แต่ก็สามารถปีนต้นไม้ได้ดี เหยื่อที่ชอบจับได้แก่สัตว์ฟันแทะต่าง ๆ ตั้งแต่หนูตัวเล็ก ๆ จนถึงขนาดใหญ่อย่างคอยปู้ (นากหญ้า) ที่อาจหนักถึง 7 กิโลกรัม มันอาจชอบคอยปูมากเป็นพิเศษ เพราะเคยมีผู้วางกับดักไว้ใกล้กับฟาร์มเลี้ยงคอยปู ภายในเวลา 14 ปีมีแมวติดกับดักนี้ถึง 200 ตัว นอกจากนี้ยังล่ากระต่ายป่า นก เป็ด ไก่ กิ้งก่า งู กบ แมลง และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็ก เช่น ลูกกวางดาวหรือลูกหมูป่า ว่ายน้ำเก่ง และสามารถดำน้ำลงไปจับปลาได้ บางครั้งก็ไปจับไก่ของชาวบ้านกินด้วย
มีเขตกระจายพันธุ์กว้างมาก เริ่มตั้งแต่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำวอลกาในอิยิปต์ ผ่านตะวันออกกลาง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหนือคอคอดกระ อินเดีย ศรีลังกา ทางตะวันตกมณฑลซินเจียงของจีน
ชื่อฟังดูแล้วเป็นชื่อที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก เพราะคำว่าป่าชวนให้นึกถึงป่าทึบมากกว่า แม้แต่ในภาษาอังกฤษก็เรียกแมวชนิดนี้ว่า jungle cat ซึ่งหมายถึงป่าทึบเหมือนกัน ในความเป็นจริงแล้ว ชอบอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ค่อนข้างโปร่ง เช่นป่าหญ้าสูง ป่าอ้อ ป่าวูดแลนด์ หรือแม้แต่ตามพื้นที่กสิกรรม เช่นไร่อ้อย ไร่ข้าวโพด ไร่ฝ้าย โดยเฉพาะในเอเชีย ไร่อ้อยเป็นพื้นที่กสิกรรมที่พบได้บ่อยที่สุด
แมวที่ชอบพื้นที่ ๆ มีความชื้นสูง มักพบใกล้แหล่งน้ำ เช่นหนอง บึง หรือใกล้ชายฝั่ง ในอิสราเอล มักถูกพบบริเวณบ่อเลี้ยงปลาและริมคลองชลประทาน ในอาเซอร์ไบจันที่อาศัยอยู่ในที่ราบกึ่งทะเลทรายจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ชลประทานแต่จะลดจำนวนลงในพื้นที่ที่ถูกทิ้งร้าง อย่างไรก็ตาม แมวก็สามารถปรับตัวเข้ากับพื้นที่แห้งแล้งได้ดี เช่นทะเลทรายหรือพื้นที่กึ่งทะเลทราย โดยอยู่ใกล้กับโอเอซีสและแม่น้ำ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักพบอยู่ในป่าเบญจพรรณเขตร้อน แต่ก็เคยพบในป่าดิบของเวียดนามเหมือนกัน ในเทือกเขาหิมาลัย พบที่ระดับความสูงที่สุดถึง 2,400 เมตร ในเทือกเขาคอเคซัสที่อยู่ระหว่างทะเลดำกับทะเลแคสเปียนพบถึงระดับ 1,000 เมตร
เชื่อว่าแมวติดสัดมากกว่า 1 ครั้งในปีหนึ่ง การเป็นสัดแต่ละครั้งกินเวลาราว 5 วัน เสียงร้องหาคู่ของแมวหนุ่มในฤดูผสมพันธุ์จะคล้ายกับเสียงเห่า ในเขตเอเชียกลาง จะผสมพันธุ์ในเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม ส่วนในอินเดียมักจะผสมพันธุ์ในเดือนพฤษภาคม เคยมีผู้พบลูกแมวในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ในรัฐอัสสัม ส่วนในแถบแคสเปียนจะผสมพันธุ์ในเดือนมิถุนายน หากที่อยู่อาศัยอุดมสมบูรณ์ มันอาจผสมพันธุ์ปีละ 2 ครั้ง หลังจากตั้งท้องนาน 63-68 วัน แม่แมวจะออกลูก ลูกครอกหนึ่งมีประมาณ 1-6 ตัว (เฉลี่ย 2.89) รังของแมวมักอยู่ในกออ้อหรือพุ่มไม้ทึบ บางครั้งอาจใช้โพรงไม้หรือรูของสัตว์อื่นที่ทิ้งแล้วเป็นรังเลี้ยงลูกอ่อน ที่ริมแม่น้ำในอุสเบกิสถาน เคยมีผู้พบรังของแมวสองรังซึ่งเป็นโพรงในดงอ้อและปูด้วยใบไม้และขนสัตว์ แมวชอบใช้โพรงที่สัตว์ชนิดอื่นทิ้งแล้วเป็นรังเลี้ยงลูก เช่น รังหมาจิ้งจอก หรือแบดเจอร์ ลูกแมวแรกเกิดหนัก 130-140 กรัม ลืมตาได้เมื่ออายุได้ 10-12 วัน มีริ้วสีดำ และจะค่อย ๆ จางลงเมื่ออายุมากขึ้น เมื่ออายุได้ 3 เดือนก็จะหย่านม และเริ่มล่าเหยื่อหากินเองได้เมื่ออายุ 5-6 เดือน เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุได้ 11-18 เดือน ในแหล่งเพาะเลี้ยงมีอายุได้ถึง 15 ปี แมวเคยมีอยู่มากตามสวนสัตว์ แต่ปัจจุบันหาได้ยากแล้ว
แม้ว่าจะสามารถปรับตัวเข้ากับที่อยู่อาศัยได้หลายแบบ แต่ดูเหมือนว่ามันชอบอยู่ในพื้นที่ชุ่มน้ำเป็นพิเศษ ดังจะเห็นได้ว่าในพื้นที่ชุ่มน้ำจะมีประชากรหนาแน่นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ดังกล่าวจึงเป็นการลดจำนวนประชากรของแมวมากที่สุด
การที่แมวมีหนังไม่สวยงามก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ถูกคุกคามจากการล่า แมวจำนวนไม่น้อยถูกชาวบ้านฆ่าเพราะมันชอบไปจับเป็ดไก่ของชาวบ้านกิน พรานกระต่ายหรือพรานนกหลายคนก็รังเกียจแมวเพราะมันชอบล่ากระต่ายป่าและนก จึงยิงทิ้งไปเป็นจำนวนมาก
ปัจจุบันยังแมวอยู่ทั่วไปในเขตที่เป็นที่อยู่อาศัยดั้งเดิม มีเพียงบริเวณชายขอบของเขตกระจายพันธุ์ของมันเท่านั้นที่มีอยู่เป็นจำนวนน้อย เช่นในประเทศจีน ในประเทศศรีลังกามีแมวอยู่ในระดับพบไม่บ่อย พบได้เฉพาะตามป่าโปร่งที่แห้งแล้งตอนเหนือของประเทศเท่านั้น
ในเอเชียกลาง มีการประเมินความหนาแน่นของแมวเอาไว้ว่า 4-15 ตัวต่อ 10 ตารางกิโลเมตร แต่ในที่ ๆ ป่าไม้เสื่อมโทรมจากการพัฒนาที่ดินความหนาแน่นจะลดลงเหลือไม่ถึง 2 ตัวต่อ 10 ตารางกิโลเมตร
ไอยูซีเอ็นยังจัดสถานภาพของแมวไว้ในระดับมีความเสี่ยงน้อย (2550)
ไซเตส : บัญชีหมายเลข 2
ไทย : สัตว์ป่าคุ้มครอง
บังกลาเทศ จีน อินเดีย อิสราเอล พม่า ปากีสถาน ทาจิกิสถาน ไทย ตุรกี
ภูฏาน จอร์เจีย ลาว เนบานอน พม่า เนปาล ศรีลังกา เวียดนาม
บทความน่าสนใจ แมวมี 9 ชีวิตจริงหรือหลอก
อ้างอิงข้อมูลจาก
RESOURCES
COMPANY
ONLINE SHOP
Copyright 2002 – 2023 © Fabulous And Gorgeous Co.,Ltd.