10 สายพันธุ์ สุนัขล่าเนื้อ ที่ควรรู้จัก
สารบัญ
สุนัขล่าเนื้อ (Hounds) สุนัขในกลุ่มนี้มีประสาทสัมผัสในการดมกลิ่นที่ ดีมาก สรีระร่างกายแข็งแรง ทำให้เป็นสุนัขรุ่นแรกๆ ที่ถูกมนุษย์นำมาใช้ล่าสัตว์
ต้นกำเนิดและประวัติ
คำว่า Hound ครอบคลุมสายพันธุ์สุนัขที่หลากหลาย แต่ไม่ใช่ทั้งหมด จริงๆแล้วมันหมายถึงสิ่งเหล่านั้นเท่านั้น สัตว์เลี้ยงที่พบใกล้ชิดกับกิจกรรมการล่าสัตว์ตอบสนองฟังก์ชั่นบางอย่าง กีฬาชนิดนี้ลดทอนความนิยมลงอย่างมากซึ่งเป็นสาเหตุที่สายพันธุ์เหล่านี้จำนวนมากกลายเป็นส่วนหนึ่งของรายชื่อสัตว์เลี้ยงคู่หูที่ซื่อสัตย์เชื่องและฉลาดที่สุดที่สามารถเลือกได้และแม้กระทั่ง สุนัขล่าสัตว์ที่ถูกทิ้งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี.
เมื่อกิจกรรมการล่าสัตว์พัฒนาขึ้นสายพันธุ์สุนัขก็กำลังพัฒนาสำหรับ การคัดเลือกโดยธรรมชาติและความจำเป็นในการอยู่รอด วิวัฒนาการความสามารถที่แตกต่างกันที่แสดงให้เห็นในบทบาทที่พวกเขาแสดง เมื่อทำการล่าสัตว์จะต้องระบุชนิดของเหยื่อที่จะล่าก่อนจากนั้นจึงทำการติดตาม คือ งานนี้จำเป็นต้องมีกลิ่นความอดทนและระเบียบวินัย.
สุนัขอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกีฬานี้คือสุนัขน้ำที่ได้รับการฝึกฝนมาเพื่อ กิจกรรมตกปลาและเป็ดเช่นเดียวกับรีทรีฟเวอร์ที่มีการล่าสัตว์และที่ตั้งของนกเช่นพาร์ทริงก์ดังนั้นชื่อของมันนอกเหนือจากเกรย์ฮาวด์แล้ว ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ และตัวชี้
สุนัขล่าเนื้อมีสามประเภท โดยมีหลายสายพันธุ์ในแต่ละประเภท ดังนี้
- ไซต์ฮาวด์ เป็นสุนัขที่มีสายตาดี (เรียกอีกอย่างว่าเกซฮาวด์) ซึ่งติดตามเหยื่อส่วนใหญ่ด้วยความเร็ว โดยทำให้เหยื่ออยู่ในสายตา สุนัขเหล่านี้รวดเร็วและช่วยเหลือนักล่าในเกมการจับ เช่น หมาจิ้งจอก, กระต่ายแจ็ก, กวาง และกวางเอลก์
- เซนต์ฮาวด์ เป็นสุนัขหาเหยื่อด้วยกลิ่น ติดตามเหยื่อหรืออื่น ๆ (เช่น คนที่หายไป) โดยติดตามกลิ่น สุนัขเหล่านี้มีความอดทน แต่ไม่ใช่นักวิ่งที่รวดเร็ว
- ส่วนสายพันธุ์ที่เหลือติดตามเหยื่อของพวกมันโดยใช้ทั้งสายตาและกลิ่น พวกมันยากที่จะจำแนก เนื่องจากพวกมันไม่ได้เป็นสัตว์ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน และไม่ได้หาเหยื่อด้วยกลิ่นอย่างชัดเจน
10 สายพันธุ์ สุนัขล่าเนื้อ
1. บีเกิล (Beagle)
เป็นสายพันธุ์สุนัขมีถิ่นกำเนิดในประเทศสหราชอาณาจักร อยู่ในจำพวกกลุ่มสุนัขล่าเนื้อ (Hound) มีขนสั้นและหูปรก เป็นสุนัขที่มีประสาทด้านการดมกลิ่นเป็นเลิศ (scent hounds) ด้วยประสาทด้านการดมกลิ่นที่ไวมาก จึงได้มีการฝึกให้เป็นสุนัขตรวจสอบของผิดกฎหมาย อย่างเช่น ยาเสพติด วัตถุระเบิด ฯลฯ แต่บีเกิลยังได้รับความนิยมในฐานะสัตว์เลี้ยงเช่นกัน ด้วยขนาดตัวที่พอเหมาะ เป็นสุนัขอารมณ์ดี และสุขภาพแข็งแรงทนทานต่อโรค
สุนัขสายพันธุ์บีเกิลมีมากว่า 2000 ปีแล้ว และมีชื่อเสียงมากในยุคของพระนางอลิซาเบท (Elizabethan era) ซึ่งปรากฏในงานวรรณกรรม จิตรกรรม ภาพยนตร์ โทรทัศน์ และหนังสือการ์ตูนเรื่องสนู๊ปปี้ (Snoopy) ก็เป็นบีเกิลที่มีชื่อเสียงมากที่สุดตัวหนึ่งของโลก
2. บาเซนจี (Basenji)
สายพันธุ์สุนัขล่าเหยื่อ (Hound) ชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมที่ทวีปแอฟริกา บริเวณประเทศคองโก โดยคำว่า “บาเซนจี” เป็นภาษาสวาฮีลีแปลว่า “สิ่งที่อยู่ในพุ่มไม้
บาเซนจีเป็นสุนัขที่ผู้คนในแถบทวีปแอฟริกานิยมเลี้ยงมานานแล้ว เพราะหลักฐานทางโบราณคดีพบว่า รูปสลักในปิรามิดมีรูปของสุนัขที่ลักษณะคล้ายบาเซนจีอยู่ และแม้เทพองค์หนึ่งที่เป็นที่นับถือของชาวอียิปต์โบราณ คือ อะนูบิส (Anubis) ก็มีหัวเป็นสุนัขคล้ายบาเซนจี ชาวพื้นเมืองในแอฟริกานิยมใช้บาเซนจีในการล่าสัตว์ ซึ่งบาเซนจีสามารถใช้ล่าเป็นอย่างดีทั้งสัตว์ขนาดเล็ก อย่าง นก หนู กระต่าย หรือแม้แต่กระทั่งสัตว์ขนาดใหญ่อย่างกอริลลา
3. บลัดฮาวด์ (Bloodhound)
เป็นสุนัขสายพันธุ์ขนาดใหญ่ มีสายพันธุ์มาจากสุนัขล่ากวาง มีจมูกที่สามารถดมกลิ่นได้ดีมาก นิยมใช้ในหน่วยตำรวจทั่วโลก ใช้ในการดมกลิ่นพิสูจน์หลักฐาน ตามสืบผู้ร้าย ตามหายาเสพติด และ วัตถุระเบิด
4. แด็กซันด์ (Dachshund)
หรือที่ชาวไทยนิยมเรียกว่า “ดัชชุน” เป็นสายพันธุ์สุนัขที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เอกลักษณ์ของสุนัขสายพันธุ์นี้คือลักษณะลำตัวที่ยาวเพี่อให้สะดวกในการมุดรูหนู (ถูกเพาะพันธุ์มาเพื่อใช้จับหนู) เพราะลำตัวยาวนี้เองจึงถูกเรียกอีกชื่อว่าสุนัขไส้กรอก
แด็กซันด์เป็นคำยืมจากภาษาเยอรมันซึ่งออกเสียงว่า “ดัคส์ฮุนท์” แต่ปัจจุบันชาวเยอรมันนิยมเรียกสุนัขพันธุ์นี้ว่า “ดัคเคิล” (Dackel) มากกว่า
5. เกรย์ฮาวด์ (Greyhound)
สุนัขเกรย์ฮาวนด์ที่ใช้ในการประกวดจะมีขนาดใหญ่กว่าที่ใช้ในการวิ่งแข่ง แต่ทั้งสองชนิดมีลักษณะภายนอกเหมือนกันทุกประการ คือ มีรูปร่างและกล้ามเนื้อได้สัดส่วนช่วยให้วิ่งได้เร็วมาก ช่วงอกลึกทำให้มีความจุของปอดมากขึ้น สีขนอาจมีหลากหลาย บางตัวอาจมีสีขนมากกว่าหนึ่งสี
ประวัติ หลักฐานที่อาจบ่งบอกว่าสุนัขพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดในตะวันออกกลางคือ การพบภาพสุนัขที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในสุสานของอียิปต์โบราณซึ่งมีอายุเกือบ 5,000 ปี นอกจากนี้ยังมีบันทึกในยุคแรกของอังกฤษที่ระบุว่ามีการนำสุนัขพันธุ์นี้เข้ามาราว ค.ศ. 900
ข้อสังเกต ไม่ต้องการออกกำลังกายมาก แม้จะเป็นสุนัขที่สุภาพ แต่มักชอบไล่กวดแมวหรือสุนัขขนาดเล็ก ดังนั้นถ้าปล่อยให้วิ่งโดยอิสระ จึงควรสวมตะกร้อปาก
6. ลาบราดอร์รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever)
ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (เรียกสั้น ๆ ว่า แลป) มีถิ่นกำเนิดมาจากเกาะนิวฟันด์แลนด์ (Newfoundland) ของประเทศแคนนาดา และมีชื่อดั้งเดิมว่า เซนต์ จอห์น (St. John’s) พวกมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงกันในภายในครอบครัว โดยเฉพาะในครอบครัวชาวประมง เพราะลาบราดอร์สามารถช่วยชาวประมงในการจับปลา ฉลาดมากพอที่จะปลดตะขออกจากปลาและแข็งแกร่งมากพอในการว่ายน้ำได้ระยะทางไกล และยังทำหน้าที่เป็นสัตว์เลี้ยงที่รักโดยจะเดินกลับบ้านกับเจ้าของหลังจากเลิกงานได้ แต่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์นั้น เกิดจากการผสมระหว่างสุนัขสายพันธุ์ใด นักประวัติศาสตร์คาดว่า พวกมันเกิดจากการผสมพันธุ์ของสุนัขนิวฟันด์แลนด์และสุนัขในท้องถิ่นอีกหนึ่งสายพันธุ์ แต่ยังไม่สามารถระบุได้
7. อเมริกันฟ็อกซ์ฮาวด์ (American Foxhound)
สุนัขเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อการล่าสุนัขจิ้งจอกและยังคงขึ้นอยู่กับภารกิจนั้นเป็นอย่างมาก นักล่ากวางยังได้ใช้ทักษะการวิ่งของพวกเขาในฤดูใบไม้ร่วง แต่สุนัขจิ้งจอกอเมริกันเป็นสายพันธุ์การล่าสัตว์ที่ยอดเยี่ยมเพราะพวกเขาจะไล่ล่าทุกอย่างที่คุณบอกพวกเขา
8. โกลเด้น รีทริฟเวอร์ (Golden Retriever)
โกลเดินรีทรีฟเวอร์ เป็นสุนัขที่มีความเฉลียวฉลาดมากมากจนสามารถนำมาฝึกเพื่อใช้งานได้ เนื่องจากเป็นสุนัขที่มีขนาดปานกลาง จัดว่าเป็นสุนัขที่มีประสาทสัมผัสที่ดีทั้งในด้านของการฟังเสียง การดมกลิ่นสะกดรอยสามารถล่านกได้ นอกจากนี้ยังมีสายตาอันเฉียบคมและแม่นยำ ด้วยเหตุนี้วงการทหารและตำรวจในหลายๆ ประเทศจึงได้นำสุนัขพันธุ์นี้มาฝึกเพื่อไว้ช่วยงานราชการ เช่น ตรวจค้นยาเสพติด, ดมกลิ่นสะกดรอยคนร้าย, ยามรักษาความปลอดภัย แต่ที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมสูงสุด ก็เห็นจะได้แก่ฝึกให้เป็นสุนัขนำทางคนตาบอด
9. เชซาพีก เบย์ รีทรีฟเวอ (Chesapeake Bay Retriever)
เชซาพีก เบย์ รีทรีฟเวอร์ ถือกำเนิดขึ้นในปี 1807 เมื่อสองลูกสุนัขนิวฟาวนด์แลนด์ได้รับการช่วยเหลือจากเรืออังกฤษในแถบเพศผู้ฝั่งของรัฐแมรี่แลนด์ สุนัขได้ทำหน้าเก็บเหยื่อซึ่งคือเป็ดได้ยอดเยี่ยมจึงได้รับการผสมข้ามพันธุ์กับสุนัขพันธุ์อื่นๆ เช่นพวกขนเรียบและขนหยิก ผลิตลูกหลานที่สามารถเก็บเหยื่อเก่งได้มากมาย โดยในช่วงกลางยุค 1880 สายพันธุ์ที่ถูกนำมาใช้เพื่อเก็บเป็ดที่เป็นเหยื่อได้มากถึง 300ตัวต่อวันได้รับการขนานนามว่า เชซาพีก เบย์ รีทรีฟเวอร์ ผู้ที่ชื่นชอบเชซาพีก เบย์ รีทรีฟเวอร์ มักเรียกเขาว่า “เชซซี่”
สายพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับจากสมาคม AKC ในปี 1885 และถึงแม้ว่า เชซาพีก เบย์ รีทรีฟเวอร์ จะเป็นสุนัขเพื่อเกมส์กีฬา สายพันธุ์นี้ยังถูกใช้เป็นสุนัขนำทางสำหรับคนตาบอดและเป็นคู่หูที่ดีเยี่ยมของเจ้าของ
10. ไวมาราเนอร์ (Weimaraner)
เหมาะสำหรับเจ้าของที่ต้องการสุนัขขนาดใหญ่ที่มีพลังงานเยอะ สำหรับการล่าสัตว์ การเดินป่าและกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ ไวมาราเนอร์ เป็นเพื่อนที่ซื่อสัตย์และมีความฉลาดหลักแหลม แต่ผู้เลี้ยงควรพาไปทำกิจกรรมต่างๆเพื่อป้องกันนิสัยที่เกเร ในศตวรรษที่ 19 ขุนนางแห่งตระกูลไวมาร์เป็นผู้เลี้ยงสุนัขตระกูลไวมาราเนอร์และผสมพันธุ์จนกลายเป็น “ไวมาร์ พอยเตอร์” ทำหน้าที่เป็นสุนัขล่าสัตว์ในเกมใหญ่ๆ
บทความน่าสนใจ สุนัข กับตำนาน 12,000 ปี
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://th.wikipedia.org
http://th.tourbonsafari.com
https://www.mundoperros.es/th
https://www.hills.co.th