วิธีเลือก ไดร์เป่าขนสุนัข
สารบัญ
คงมีใครหลายคนอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ได้สระผมมากกว่า 3 วัน เนื่องจากการไปเข้าค่ายหรือทำกิจกรรมอะไรก็แล้วแต่ ซึ่งคงเข้าใจกันดีว่าความเหนียวและความมันบนหนังหัวทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัวแค่ไหน เช่นเดียวกันกับน้องหมาน้องแมว เมื่อเจ้าของปล่อยทิ้งเขาไว้โดยไม่ได้ดูแลในเรื่องของความสะอาด
วิธีเลือกไดร์เป่าขนสำหรับสัตว์เลี้ยง
1. ความเร็วของไดร์เป่าขน
ไดร์เป่าขนสัตว์เลี้ยงจะมีความเร็วหลายระดับให้เราได้เลือก แต่สิ่งที่ควรรู้คือความเร็วและความร้อนแตกต่างกัน โดยความเร็วคือระดับความเร็วของลมที่ปล่อยออกมาจากไดร์ โดยสัตว์เลี้ยงบางตัวขอเพียงแค่มีความเร็วหนึ่งระดับก็เพียงพอสำหรับการเป่าขนแล้ว ในขณะที่น้องหมาหรือน้องแมวบางตัวอาจจำเป็นต้องใช้ลมหลายระดับ เพื่อทำให้ขนแห้งได้เร็วและสนิทยิ่งขึ้น
2. ความร้อนของไดร์เป่าขน
ความร้อนเป็นส่วนสำคัญมาก ๆ ในการเลือกซื้อไดร์ เพราะหากไดร์ปล่อยความร้อนสูง การเป่าขนอาจทำให้เขารู้สึกปวดแสบปวดร้อนได้ ทั้งนี้อุณหภูมิไม่ควรจะเย็นหรือร้อนมากจนเกินไป เพื่อป้องกันผิวหนังเกิดความเซนซิทีฟ โดยหากเป็นไปได้แนะนำว่าให้ซื้อไดร์ที่สามารถประระดับความร้อนได้ครับ
3. ใช้งานง่าย
ระบบการตั้งค่าของไดร์เป่าขนไม่ควรซับซ้อนมากจนเกินไปครับ เนื่องจากมันจะทำให้เราเสียเวลาในการเป่าขนโดยใช่เหตุ อีกทั้งจริง ๆ แล้วฟังก์ชันของไดร์เป่าขนสัตว์เลี้ยงไม่จำเป็นต้องเยอะมีอะไรเยอะแยะ ขอเพียงแค่สามารถปรับความร้อนและความเร็วของลมได้ก็เพียงพอแล้วครับ
4. อุปกรณ์เสริม
อุปกรณ์เสริมที่มาพร้อมกับไดร์ส่วนใหญ่แล้วจะมีหัวในลักษณะต่าง ๆ เพื่อให้เราสามารถเป่าได้ซอกซอนในทุกรูขุมขน ป้องกันความชื้นหรือการเป่าขนไม่แห้ง ดังนั้นก่อนซื้อไดร์ลองเช็กก่อนสักนิดว่ามันมีหัวไดร์กี่หัวให้เราเปลี่ยน และมีอุปกรณ์เสริมอะไรมาให้เราได้ใช้บ้าง
ไดร์เป่าผมของคน VS ไดร์เป่าขนสัตว์เลี้ยง แตกต่างกันอย่างไร ?
ไดร์เป่าขนของสัตว์เลี้ยงแตกต่างออกไปจากไดร์ของคนตรงที่เสียงของมันค่อนข้างเบา และอุณหภูมิจะไม่ได้สูงเท่ากับไดร์ของคน เนื่องจากความร้อนสูงอาจทำให้ผิวหนังและขนของสัตว์ร้อนเกินไปได้ นอกจากนี้ความเร็วของไดร์เป่าขนก็ค่อนข้างจะดี เพราะมันดีไซน์ออกมาเพื่อไล่ความชื้น ทำให้แห้งได้เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นการนำเอาไดร์เป่าขนของคนมาใช้กับสัตว์เลี้ยงจึงเป็นสิ่งที่ไม่อยากแนะนำสักเท่าไหร่นัก เพราะมันจะส่งผลเสียต่อสุขภาพผิวหนังและขนสัตว์เลี้ยงโดยตรง
ใครบ้างที่ควรซื้อไดร์เป่าขนไปใช้กับสัตว์เลี้ยง
- ในบ้านมีคนที่แพ้ขนสัตว์เลี้ยง เมื่อคนในบ้านมีสมาชิกที่แพ้ขนสัตว์เลี้ยง สิ่งที่สำคัญคือการดูแลขนและการอาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำ โดยการอาบน้ำอยู่บ่อย ๆ จะช่วยลดผลกระทบของการแพ้ เพราะมันสามารถลดขนร่วงออกได้
- สุนัขหรือแมวที่เลี้ยงระบบปิด แมวและสุนัขที่เลี้ยงด้วยระบบปิดมีโอกาสเลอะดินหรือโคลน ดังนั้นการอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอถือว่าสำคัญมาก ซึ่งการมีไดร์เป่าผมสัตว์เลี้ยงสามารถช่วยให้ขนแห้งได้เร็วยิ่งขึ้น
- มีสุนัขหรือแมวสายพันธุ์ขนยาว คนที่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงน้องแมวหรือน้องหมาสายพันธุ์ขนยาวคงเข้าใจกันดีว่าการอาบน้ำในแต่ละครั้งนั้นเหนื่อยแค่ไหน เพราะกว่าจะทำให้ขนแห้งก็กินเวลานับชั่วโมง แต่หากใช้ไดร์เป่าขนสำหรับสัตว์เลี้ยง
วิธีการทำให้สัตว์เลี้ยงคุ้นชินกับไดร์เป่าขน
ด้วยไดร์เป่าขนเป็นอุปกรณ์ที่มีเสียงดังในระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมสัตว์เลี้ยงถึงกลัวไดร์เป่าขนกันเป็นซะส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วมันมีทริคเล็กน้อยซึ่งสามารถช่วยให้สัตว์เลี้ยงชินกับไดร์เป่าขนได้ครับ
- หยิบไดร์ขึ้นมาให้เขาดมหรือทำความคุ้นชินก่อนจะเปิดเครื่อง เพื่อทำให้เขารู้ว่าไดร์ไม่ได้อันตรายหรือน่ากลัวอะไร
- เปิดไดร์เป่าขนในความเร็วที่ต่ำที่สุดก่อน จากนั้นจึงค่อยเพิ่มต่อไปเรื่อย ๆ เมื่อรู้สึกว่าสัตว์เริ่มคุ้นชินมากขึ้น
- หากสังเกตเห็นว่าสัตว์เลี้ยงตื่นกลัวมากเมื่อมีการใช้ไดร์เป่าขน แนะนำให้ปิดแล้วค่อยเปิดใช้ใหม่อีกครั้ง เพราะถ้าหากยังบังคับหรือฝืนต่อไป มันจะทำให้เขาฝังใจและรู้สึกกลัวทุกครั้งที่ได้ยินไดร์เป่าขน
- แนะนำให้เป่าขนด้วยลมเฉย ๆ โดยไม่ต้องปล่อยความร้อนอะไรออกมาก่อน จากนั้นจึงค่อยตั้งค่าความร้อนมากขึ้น แต่อย่าร้อนจนเกินไปเพราะมันอาจทำให้เขาอึดอัดและแสบผิวได้
เมื่อคุณเลี้ยงสุนัขก็ต้องคอยหมั่นดูแลในเรื่องของความสะอาด อย่าให้สุนัขมีกลิ่นอับติดตัวเพราะนั่นอาจจะเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังหรือการหมักหมมของสิ่งสกปรกได้ การอาบน้ำจะเป็นการช่วยป้องกันปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี แต่เมื่ออาบน้ำให้สุนัขเสร็จแล้วก็ควรใช้ไดร์เป่าขนสุนัขเป่าขนให้แห้งด้วยครับ เพราะหากปล่อยให้ขนของน้องหมามีความชื้นก็อาจจะก่อให้เกิดอาการขนร่วง ขนพันกัน หรือปัญหาผิวหนังเช่นกัน แม้กระบวนการเป่าขนสุนัขจะค่อนข้างใช้เวลา แต่เพื่อน้องหมาแสนรักของคุณก็ไม่ควรมองข้ามเรื่องนี้ไปนะ
บทความน่าสนใจ หน้าฝนหมาไม่ป่วยแน่ แค่ทำ 5 อย่างนี้
อ้างอิงข้อมูลจาก