เทคนิคดูแลแมวขนสั้นและขนยาว
เทคนิคดูแลแมวขนสั้นและขนยาว ถ้าพูดถึงแมวขนสั้นยอดนิยม เพื่อนๆ ก็น่าจะคิดถึงน้องแมวพันธุ์แท้อย่างอเมริกันช็อตแฮร์ สก๊อตติสโฟลด์ หรือแม้แต่แมวไทยพันธุ์ผสมส่วนน้องแมวขนสวยยาวที่ดูนุ่มฟูใครๆ เห็นก็รักนั้นคงไม่พ้นน้องแมวเปอร์เซีย หรือพันธุ์เมนคูณนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าน้องแมวที่มีความยาวของขนไม่เหมือนกันนั้น เราก็จำเป็นต้องใช้วิธีการดูแลพวกเค้าแตกต่างกันไป และในครั้งนี้เราจะมาแนะนำวิธีดูแลน้องแมวให้เพื่อนๆ
เทคนิคการดูแลน้องแมวขนสั้น
สำหรับน้องแมวสายพันธุ์ที่มีขนสั้นเป็นส่วนใหญ่อย่างอเมริกันช็อตแฮร์ สก๊อตติสโฟลด์ หรือแมวไทย ฯลฯ การดูแลแมวขนสวยให้นุ่มลื่นดูสุขภาพดีนั้น เราไม่จำเป็นต้องอาบน้ำให้กับน้องแมวสายพันธุ์นี้บ่อยจนเกินไป อาจจะเดือนละครั้งหากน้องแมวไม่ได้ออกไปสัมผัสกับสิ่งสกปรกภายนอก แต่แนะนำว่าเจ้าของควรจะหวีขนให้กับน้องแมวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง เพื่อเป็นการกวาดเอาตัวเส้นขนบนผิวหนังที่ตายแล้วออกไป และยังเป็นการช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของต่อมน้ำมันให้ผิวหนังสุขภาพดีด้วยนะ
เทคนิคการดูแลน้องแมวขนยาว
การดูแลน้องแมวขนยาวอย่างแมวเปอร์เซีย หรือแมวเมนคูน นั้นจะแตกต่างจากน้องแมวขนสั้นมากเลย เพราะเราจำเป็นต้องใส่ใจเรื่องการแปรงและทำความสะอาดขนของเค้าเป็นพิเศษ เริ่มต้นด้วยการใช้หวีแปรงขนแมวให้เค้าอย่างน้อยวันละ 15 นาที เพื่อช่วยเอากระจุกขนและขนที่พันกันของเค้าออก โดยเริ่มต้นจากการแปรงขนใต้ท้อง ขนตามลำตัว ขนต้นคอ ขนหลังใบหู ขนหน้าอก ขนหาง และขนส่วนก้นที่มีโอกาสพันกันง่ายเป็นพิเศษ โดยเป็นการเน้นในจุดที่น้องแมวไม่สามารถเอื้อมไปเลียขนได้นั่นเอง นอกจากนี้การหวีน้องแมวขนยาวยังเป็นการช่วยเช็คหาเห็บหรือหมัดที่อาจจะซ่อนตัวอยู่ด้วยเช่นกัน
นอกจากเส้นขนแล้วผิวหนังของน้องแมวก็สำคัญ
สำหรับน้องแมวขนยาวอย่างแมวเปอร์เซีย การป้องกันไม่ให้เกิดโรคผิวหนังที่เกิดขึ้นจากเชื้อราหรือที่เรียกว่า “Ringworm” ที่มักจะมีอาการขนร่วงแหว่งเป็นวงกลมขอบเรียบ หรือมีสะเก็ดพร้อมอาการคันนั้นถือเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ซึ่งจะป้องกันได้แค่เพียงเพื่อนๆ ทำความสะอาดโซนที่เค้ามักจะชอบไปนอนกลิ้งเล่นในบ้านอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงคอยสังเกตอาการและพาเค้าไปฉีดวัคซีนตามคำแนะนำของสัตวแพทย์อย่างเคร่งครัด
แปรงและหวีที่ใช้หลักๆ มี 3 ชนิด
ก่อนที่จะลงมือแปรงขนแมวกัน เราจะมาทำความรู้จักอุปกรณ์ในการแปรงขนกันก่อนนะคะ จะได้เลือกใช้ให้ถูกด้วย
- แปรง Pin Brush (แปรงหมุด) เลือกซื้อแบบที่ไม่มีตุ่มๆ ที่ปลายนะคะ เพราะตุ่มปลาย pin จะกระชากขนแมวขาดได้จ้า Pinbrush ที่เหมาะกับแมวขนยาวคือ Pin Brush เบอร์ 27
- หวีเหล็ก 2 ความถี่ มีด้านซี่ห่าง และซี่กลางในอันเดียวกัน
- Slicker (แปรงสลิคเกอร์) ใช้แกะขนที่พันกันเฉพาะจุด ใช้แปรงช่วงหลังใบหู, รักแร้ และขนตามขา แต่อย่าใช้ Slicker แปรงทั่วตัวเดี๋ยวขนจะไม่ยาวฟูนะเมี๊ยววว
แปรงขนง่ายๆ ด้วย 10 ขั้นตอนดังต่อไปนี้
- ขนใต้ท้อง
ให้น้องแมวนอนหงายบนตัก ใช้แปรง pinbrush แปรงตามขน เวลาแปรงควรแบ่งขนเป็นชั้นๆ เพื่อจะได้แปรงได้ทั่วขนแปรงจากโคนถึงจากนั้นแปรงตามซอกขาหน้า หลัง และรักแร้อย่างละเอียดด้วยแปรง Slicker เพื่อไม่ให้ขนพันกัน
- ขนตามลำตัว
ใช้ Pin Brush แปรงตามขน จากโคนถึงปลายเป็นชั้นๆ ไล่จากหัวไหล่ลงไปจนถึงสะโพก
- ขนต้นคอและหลังใบหู
ควรแปรงขนส่วนนี้อย่างละเอียดที่สุดเนื่องจากเป็นบริเวณที่ขนพันกันง่ายมาก โดยใช้ปลายแปรง Pin Brush เขี่ยขนชั้นในและนอกออกให้ตั้งขึ้นเป็นชั้นๆ และใช้แปรง Slicker แปรงขนข้างหูเพื่อป้องกันขนพันกัน
- โรยแป้งให้ทั่วตัว
(แป้งเด็กธรรมดาหรือจะแป้งสำหรับแมวก็ได้) แป้งจะช่วยดูดซับความชื้นและความมันที่เคลือบเส้นขนอยู่ จากนั้นใช้แปรง Pinbrush แปรงย้อนขนขึ้นมา จะช่วยให้ขนตั้งและฟูขึ้น
- ขนหน้าอก
ใช้แปรง Pin Brush แปรงทวนทิศทางที่ขนขึ้นที่ละชั้น
- ขนหาง
แปรงด้วยแปรง Pin Brush ก่อน 1 รอบ แล้วใช้หวีเหล็กหวีขนหางทีละช่อ
- ขนส่วนก้น และ สะโพก
ใช้แปรง Pin Brush แปรงขนทีละชั้น โดยแปรงขนานกับส่วนก้นและส่วนสะโพก
- ใช้หวีเหล็กหวีให้ทั่วตัว
ตรวจดูว่ายังมีขนพันกันอีกหรือเปล่า ถ้าเจอขนพันกันให้ค่อยๆ แก้ขนพันกันเบาๆ ทีละน้อย จะใช้สเปรย์แก้ขนพันกันที่ช่วยให้ขนลื่นและแก้ง่ายขึ้นช่วยก็ได้น้องแมวจะได้ไม่เจ็บ
- เป่าลมเย็นไล่แป้ง
โดยให้เป่าย้อนขนโดยเป่าจากทางด้านก้นของแมว
- ให้น้องแมวยืนแล้วแปรงให้เข้าทรงโดยแปรงทวนขนไปด้านหน้า เสร็จแล้วให้รวบขาหลังน้องแมวขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นให้เขย่าเบาๆ จะทำให้ขนสปริงตัวฟูขึ้น