วิธีเลี้ยงหมาให้เหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัย มีงานวิจัยที่ศึกษาพบว่า การเลี้ยงเด็กให้อยู่ร่วมกันกับน้องหมาจะทำให้เด็กสามารถพัฒนาระบบภูมิคุ้มกันได้ดี อีกทั้งยังช่วยปลูกฝังเรื่องความรักสัตว์ให้เด็ก ทำให้มีจิตใจที่อ่อนโยนขึ้นด้วยค่า มาดูกันค่ะ ว่าเลี้ยงน้องหมาแบบไหนถึงเหมาะกับเด็กแต่ละช่วงวัย

เด็กวัยแรกเกิดถึง 1 ปี

เด็กวัยนี้เป็นวัยที่กำลังมีพัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งทางด้านร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งในช่วงนี้ควรเริ่มจากพาลูกน้อยมาแนะนำให้สุนัขรู้จักอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้น้องหมาเกิดการยอมรับ ไม่อิจฉา หรือต่อต้านสมาชิกใหม่ของครอบครัว อาจจะนั่งอุ้มลูกน้อยโดยมีสุนัขนั่งอยู่ข้าง ๆ ประมาณ 30 นาที เพื่อให้สุนัขสามารถปรับตัว และเรียนรู้ว่าเด็กน้อยไม่เป็นอันตรายต่อตัวเค้า นากจากนี้นำเสื้อผ้าของลูกน้อยที่ใส่แล้วยังไม่ได้ซักให้น้องหมาดมก็สร้างความคุ้นชินได้เช่นกันค่ะ กรณีสุนัขกระโจนใส่เด็กให้รีบห้ามและดุด้วยเสียงโทนต่ำ เพื่อบอกว่าการวิ่งเข้าหาหรือการกระโจนใส่เป็นสิ่งผิด ค่อย ๆ ปรับตัวให้สุนัขเรียนรู้ต่อไปค่า

เด็กอายุ 1-3 ปี

เด็กวัยนี้เป็นวัยที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เริ่มเดินคล่องแคล่ว ชอบสำรวจจึงเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูง ซึ่งอาจจะปล่อยให้ลูกน้อยได้เล่นกับสุนัขบ้างแต่ต้องอยู่ในสายตาตลอด และอาจจะสร้างความผูกพันของทั้งคู่ด้วยการหาซื้อชุดของเล่นคุณหมอมาให้ลูกน้อยได้สวมบทบาทเป็นสัตวแพทย์ชวนสุนัขพูดคุย การเล่นสวมบทบาทนี้จะช่วยกระตุ้นจินตนาการให้ลูกน้อยไปพร้อมกับการสร้างความสัมพันธ์กับสุนัข แถมยังช่วยปลูกฝังให้ลูกน้อยมีจิตใจที่อ่อนโยน รู้จักการแบ่งปันด้วยค่ะ แต่หลังเล่นเสร็จก็ควรพาลูกน้อยไปล้างมือทุกครั้งด้วย

เด็กอายุ 3-6 ปี

เด็กวัยนี้เป็นช่วงวัยที่มีความก้าวหน้าทางพัฒนาการค่อนข้างสูง สามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเอง ควรปลูกฝังเด็กให้รู้จักวิธีการเล่นกับสุนัขที่ถูกต้อง เช่น บอกให้ลูกน้อยเล่นกับสุนัขในช่วงเวลาที่สุนัขตื่นนอนอยู่เท่านั้น ห้ามแหย่สุนัขในขณะหลับ ตอนสุนัขกินอาหาร และอย่าทุบตีหรือทำร้ายสุนัข นอกจากนี้สามารถพาลูกน้อยและสุนัขไปเที่ยวท่ามกลางธรรมชาติได้ด้วยนะคะ เพื่อให้เด็กน้อยได้พบปะผู้คน ช่วยฝึกการเข้าสังคม นอกจากจะสนุกเพลิดเพลิน มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังช่วยพัฒนาการระบบประสาทการรับรู้เป็นลำดับขั้น ซึ่งจะทำให้ลูกน้อยมีความคิดสร้างสรรค์ที่ดีในอนาคตได้ด้วย

เด็กอายุ 6-12 ปี

เด็กวัยนี้เป็นช่วงวัยที่มีความสุขกับการได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ชอบเล่นโลดโผน ชอบการมีส่วนร่วม มีเหตุผล รู้จักการปฏิเสธและยอมรับ ซึ่งควรหากิจกรรมให้เด็กได้มีส่วนร่วมในการดูแลสุนัข เช่น อาจจะให้ลูกช่วยเตรียมอุปกรณ์ในการอาบน้ำให้สุนัข ช่วยเช็ดตัวสุนัขเมื่ออาบน้ำเสร็จ ช่วยเตรียมอาหารให้สุนัข (จะต้องมีผู้ใหญ่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด) และควรปลูกฝังให้ลูกน้อยรู้ว่า ไม่เล่นกับสุนัขแปลกหน้าเพราะน้องหมาแต่ละตัวมีนิสัยไม่เหมือนกัน ถ้าหากอยากเล่นกับสุนัขตัวอื่นให้สอบถามเจ้าของก่อนว่าสุนัขดุไหม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุสุนัขแปลกหน้าตกใจและกัดได้

และควรปลูกฝังให้ลูกน้อยรู้ว่า ไม่เล่นกับสุนัขแปลกหน้าเพราะน้องหมาแต่ละตัวมีนิสัยไม่เหมือนกัน ถ้าหากอยากเล่นกับสุนัขตัวอื่นให้สอบถามเจ้าของก่อนว่าสุนัขดุไหม เพื่อป้องกันอุบัติเหตุสุนัขแปลกหน้าตกใจและกัดได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

https://www.dogilike.com/content/caring/10121/