วิธีให้อาหารแมวที่เลี้ยงในบ้าน
“แมว” เป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะแมวมีความน่ารัก เลี้ยงง่าย ทำให้ในปัจจุบันนิยมเลี้ยงกันมากขึ้น โดยเฉพาะการเลี้ยงแบบระบบปิด หรือการเลี้ยงแมวภายในบ้านนั่นเอง ซึ่งวิธีนี้จะมีความปลอดภัยต่อแมวมากกว่า เนื่องจากไม่ต้องเสี่ยงโดนแมวหรือสุนัขจรจัดมาทำร้าย เนื้อตัวสะอาดไม่มอมแมม
วิธีให้อาหารแมวที่เลี้ยงในบ้าน
โดยธรรมชาติแมวเป็นสัตว์ที่ชอบกินจุบจิบตลอดทั้งวัน ดังนั้น จึงชอบเล็มกินอาหารเม็ดที่ทิ้งไว้ระหว่างวัน (อาหารเปียกจะเหม็นหืนหากทิ้งไว้นานเกินไป) ซึ่งทำให้เรามักลืมไปว่าแมวได้กินอะไรไปแล้วบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทิ้งอาหารไว้ให้กินตามอำเภอใจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้อาหารมากเกินไป ควรตวงปริมาณอาหารแต่ละมื้อตามรายละเอียดที่ระบุไว้บนบรรจุภัณฑ์
แมวเป็นสัตว์ที่พร้อมเรียนรู้และปรับตัวกับวิธีให้อาหารใหม่ เช่น การแบ่งอาหารออกเป็นมื้อย่อยหลาย ๆ มื้อ หากกิจวัตรประจำวันของคุณเอื้อให้ทำเช่นนั้น ควรลดปริมาณอาหารแต่เพิ่มจำนวนครั้งให้บ่อยขึ้น เพื่อรักษาระดับพลังงานโดยน้ำหนักตัวไม่เพิ่มขึ้น
หากแมวน้ำหนักขึ้นประมาณ 1-2 กก. ทั้งที่อยู่ในช่วงคุมน้ำหนัก ควรหันมาตวงปริมาณอาหารที่ให้ ทั้งนี้ ก่อนที่คุณจะปรับเปลี่ยนอาหาร ให้คำนึงถึงสภาพร่างกายของแมวและปรึกษาสัตวแพทย์เรื่องการปรับกิจวัตรการให้อาหาร โดยใช้ body conditioning tool เพื่อตรวจสอบว่าแมวของคุณมีน้ำหนักเกินหรือไม่
“การตวงปริมาณอาหารเป็นเรื่องสำคัญมาก เมื่อแมวน้ำหนักขึ้นประมาณ 1-2 กก.จากปกติ และอยู่ในช่วงคุมน้ำหนัก”
ปัจจุบันมีอาหารที่คิดค้นสูตรสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้านโดยเฉพาะ เพื่อส่งเสริมสุขภาพของแมว ให้เขาได้รับสารอาหารครบถ้วนอย่างเต็มที่ สูตรอาหารเหล่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยประโยชน์นานาชนิดดังต่อไปนี้
- โปรตีนสูง แคลอรีต่ำเพื่อให้แมวของคุณมีรูปร่างสมส่วนอยู่เสมอ
- มีแร่ธาตุที่จำเป็น ช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพ เช่น ปัญหาทางเดินปัสสาวะ
- อุดมด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการบำรุงผิวและขนให้แข็งแรง
- มีปริมาณใยอาหารสูง ช่วยป้องกันปัญหาก้อนขนในทางเดินอาหาร และช่วยให้ก้อนขนขับเคลื่อนไปในระบบทางเดินอาหารง่ายขึ้น
- มีใยอาหารที่ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ระหว่างขับถ่าย
- มีส่วนผสมที่ย่อยง่าย สะดวกต่อการขับถ่าย อุจจาระมีก้อนเล็กลงและทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือต้องมีน้ำสะอาดให้เพียงพอสำหรับแมวที่เลี้ยงในบ้านอยู่เสมอ หากจัดการเรื่องอาหารให้แมวเรียบร้อยแล้ว ที่เหลือก็แค่จัดการเรื่องการออกกำลังกาย
อาหารแบบไหนสำหรับเจ้าเหมียว
อาหารแมวมีสองประเภท คือ อาหารเม็ดกับอาหารเปียก ควรเลือกให้เหมาะกับช่วงอายุและสายพันธุ์ โดยให้อาหารสองแบบสลับกัน เพื่อเจ้าเหมียวจะได้คุ้นชินกับอาหารทั้งสองประเภท เรื่องภาชนะและน้ำก็ควรดูแลเป็นอย่างดี
อาหารที่เหมาะสมกับแมวแต่ละช่วงวัย
การเลือกอาหารแมวที่เหมาะสม ควรเลือกจากความต้องการทางโภชนาการของแมวแต่ละวัย เพื่อให้แมวได้รับสารอาหาร และพลังงานที่เพียงพอ ซึ่งส่งผลให้แมวมีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย ซึ่งสามารถแบ่งเป็นแต่ละช่วงวัยได้ ดังนี้
- ลูกแมว (แรกเกิด – 1 ปี)
อาหารสำหรับลูกแมวแรกเกิดที่สำคัญที่สุด คือ น้ำนมแม่ เพราะมีส่วนประกอบของสารภูมิคุ้มกัน ที่ช่วยเสริมสร้างให้ลูกแมวสุขภาพแข็งแรง และป้องกันเชื้อโรคต่างๆ เข้าสู่ร่างกายได้ และเมื่อลูกแมวเข้าสู่ช่วงหย่านม ให้เปลี่ยนจากนมเป็นอาหารสำหรับลูกแมวแรกเกิด – 1 ปีโดยเฉพาะ เพราะแมวในช่วงวัยนี้ต้องการโภชนาการ และพลังานสูงกว่าแมวช่วงวัยอื่นๆ
- แมวโตเต็มวัย (1 – 6 ปี)
อาหารสำหรับแมวโตเต็มวัยนั้น จะเน้นไปที่อาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน เพื่อบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ซึ่งอาจจะพิจารณาร่วมกับนิสัยของแมว หรือลักษณะการเลี้ยง ที่ส่งผลต่อความต้องการพลังงานที่แตกต่างกัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกินของแมว
- แมวสูงวัย (7 ปี ขึ้นไป)
อาหารสำหรับแมวสูงวัย หรือมีอายุ 7 ปีขึ้นไป เป็นช่วงวัยที่มักจะมีพฤติกรรมเชื่องช้า หรืออาจะมีความผิดปกติจากโรค หรือความเสื่อมจากอวัยวะต่างๆ จึงควรทานอาหารที่มีโภชนาการครบถ้วน ย่อยง่าย และเหมาะสมกับโรค หรือความผิดปกติของแมวแต่ละตัว