สุนัขพันธุ์ไทย

สุนัขสายพันธุ์ไทย สำหรับคำว่าสุนัขนั้น เป็นสัตว์เลี้ยงที่ อยู่คู่สำหรับใคร หลายคน ซึ่งเป็นความชอบ ในส่วนตัว ของแต่ล่ะคน ดังนั้น ความชอบของสุนัขนั้น มันมีจุดที่เรียกได้ว่า เราจะเลือกเลี้ยงพันธ์ อะไรเพื่อที่จะมา เป็นเพื่อนเรา ส่วนมาก คนเลี้ยงสุนัขนั้น มักจะหาสายพันธ์ ที่คิดว่าเข้ากับเราได้ และเหมาะสม กับเราที่ จะนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงคู่ใจ ไม่ว่าเราจะไปไหนมาไหน แล้วนำมันมา เป็นเพื่อนเรา

ไทยหลังอาน

1.สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน

สุนัขไทยหลังอาน ( Thai Ridgeback Dog ) เป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลกในชื่อ “สุนัขไทย” (Mah Thai) ถูกจัดเป็น “สุนัขประจำชาติไทย” จากความพิเศษคือ เป็นสุนัขที่สามารถช่วยปกป้องเตือนภัย และดูแลทรัพย์สิน มีความซื่อสัตย์ต่อเจ้าของมาก โดยในปัจจุบันหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ได้มีการติดต่อสั่งซื้อไปเพาะเลี้ยงและมีการจดทะเบียนสมาคมสุนัขไทยหลังอานในต่างประเทศ ภายใต้ชื่อ Thai Ridgeback Club of The United State (TRCUS) American Thai Ridgeback Association (ATRA) นับได้ว่า เป็นสุนัขที่ยอดนิยมเช่นกัน

จุดเริ่มต้นของสุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน มีการบันทึกไว้ประมาณ 400 ปีก่อน โดยถิ่นกำเนิดคาดว่าจะอยู่ในภาคตะวันออก แถบจังหวัดจันทบุรีและตราด เนื่องจากในอดีตคนพื้นเมืองใช้สุนัขพันธุ์นี้ล่าสัตว์และติดตามเกรียนเพื่อระวังภัย ซึ่งมีการประเมินว่าสุนัขไทยหลังอาน น่าจะเป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองที่อยู่ในแถบพื้นที่เอเชียตะวันออกในเขตร้อน ซี่งสุนัขพื้นเมืองในเขตนี้จะมีลักษณะคล้ายกัน แต่สุนัขไทยหลังอานจะมีลักษณะพิเศษเฉพาะคือ มีขนบริเวณหลังขึ้นในแนวย้อนกลับที่สุนัขพันธุ์อื่นๆ ในกลุ่มเดียวกันของประเทศต่างๆ ไม่มี จึงเป็นที่มาของสุนัขไทยหลังอาน ส่วนรูปลักษณ์ของสุนัขสายพันธ์นี้คือ มีขนาดกลาง ขนสั้น หูตั้งเป็นรูปสามเหลี่ยม ปลายจมูกสีดำและปากรูปลิ่ม หางเรียวยาวเป็นรูปดาบ

สุนัขพันธุ์ไทยหลังอาน ซึ่งได้รับความสนใจจากต่างประเทศด้วย สันนิษฐานว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ของสุนัขพันธุ์พื้นเมืองกับหมาป่า มีลักษณะพิเศษที่โดดเด่นก็คือขนที่บริเวณสันหลังส่วนหนึ่งย้อนกลับ มีรูปร่างเหมือนอานม้า และมีชื่อเรียกตามรูปแบบต่างๆกันไป คือ

  • อานลูกศร มีรูปร่างคล้ายลูกธนูหรือลูกศร และขนมักจะวนเป็นขวัญที่หัวอาน
  • อานแผ่น เป็นอ่านค่อนข้างใหญ่ อาจมีขวัญหรือไม่มีขวัญก็ได้ และมีชื่อตามลักษณะที่แตกต่างกันไป เช่น อานพิณ อานไวโอลิน อานกีต้าร์ อานใบโพธิ์ อานโบว์ลิ่ง หรืออานม้า เป็นต้น
  • อานตกข้าง มีรูปร่างคล้ายอานแผ่น แต่มีขนาดใหญ่จนขอบอานตกไปข้างลำตัว แม้อานลักษณะนี้จะเป็นที่นิยมในไทย แต่สมาพันธ์สุนัขโลกได้กำหนดลักษณะอานที่ได้รับการรับรองว่า อานจะต้องอยู่บนขอบของลำตัวเท่านั้น

สุนัขไทยหลังอาน เป็นสุนัขพันธุ์พื้นเมืองเก่าแก่ของไทย แต่ก่อนเลี้ยงกันมากในภาคตะวันออกแถวจังหวัดตราดและจันทบุรี ใช้ในการล่าสัตว์และติดตามเกวียนคอยระวังภัย มีความโดดเด่นทางด้านนิสัย คือมีความเฉลียวฉลาด ซื่อสัตย์ต่อเจ้าของ รักความอิสระ มีความมั่นใจในตัวเองสูง กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว มีสัญชาติญาณของการระวังภัย แต่เจ็บแล้วจำ หากถูกทำร้ายก็จะจำฝังใจ ต่อไปเมื่อรู้สึกว่าจะมีภัยก็จะป้องกันตัวทันที กลายเป็นสุนัขดุ จึงไม่ควรทำให้เจ็บ

ส่วนสีนั้นมี 4 สี คือ น้ำตาลแดง ดำปลอด สีสวาด และสีกลีบบัว

สุนัขพันธุ์หลังอานไม่ได้มีเฉพาะพันธุ์ไทย แต่มี 2 พันธุ์ในโลก หลังอานพันธุ์ไทยมีชื่อว่า “Thai Ridgeback Dog” ส่วนพันธุ์ของต่างประเทศมีชื่อว่า “พันธุ์โรดิเชี่ยน” (Rhodesian Ridgeback) กำเนิดในอาฟริกา เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสุนัขล่าสิงโต แข็งแรงและวิ่งเร็วมาก ขนมีสีเหลืองอ่อนจนถึงสีน้ำตาลแดง

บางแก้ว

2.พันธุ์บางแก้ว

จุดเริ่มต้นของแหล่งกำเนิดของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว จะอยู่ที่วัดบางแก้ว ตำบลท่านางงาม อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก โดยมี “หลวงพ่อมาก เมธาวี” เจ้าอาวาสองค์ที่ 3 ของวัดบางแก้ว และในวัดจะมีการเลี้ยงสุนัขไว้ไม่ต่ำกว่า 20-30 ตัว ส่วนใหญ่เป็นสุนัขที่ดุ จึงมีการสันนิษฐานว่าสุนัขไทยพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขลูกผสมสามสายเลือด เพราะในพื้นที่เขตตำบลท่านางงาม ตำบลชุมแสงสงคราม อำเภอบางระกำ ในช่วงอดีตจะเป็นป่าและมีสัตว์ป่าจำนวนมาก ทั้งสุนัขจิ้งจอกและหมาใน จึงอาจเกิดการผสมพันธุ์กับสุนัขไทยตัวเมียที่เลี้ยงไว้ในวัดบางแก้ว

รูปลักษณ์ของสุนัขไทยพันธุ์บางแก้ว มีลักษณะเด่นคือ ขนปุยยาว ขนมีลักษณะเป็นขนสองชั้นคล้ายหางเป็นพวงสวยงาม มีขนแผงคอคล้ายแผงคอสิงโต เฉลียวฉลาด มีไอคิวสูง ไม่แพ้สุนัขพันธุ์ต่างประเทศ มีความว่องไวและแข็งแรง เวลายืนมักเชิดหน้าและโก่งคอคล้ายม้า เป็นสุนัขขนาดกลาง รูปทรงตั้งแต่ช่วงขาหน้าถึงขาหลังเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส หน้าแหลม หูเล็ก โดยในโคนหูทั้งสองอยู่ห่างกันมากกว่าสุนัขพันธุ์อื่นๆ จึงใช้เป็นจุดเด่นในการสังเกตว่าเป็นสุนัขบางแก้ว ส่วนนิสัยจะรักเจ้าของมาก ค่อนข้างดุ แต่สามารถฝึกหัดได้และชอบเล่นน้ำมาก

“บางแก้ว” กำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว เมื่อพระภิกษุรูปหนึ่งที่วัดบางแก้ว ตำบลบางแก้ว อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก เลี้ยงสุนัขเพศเมียไว้ตัวหนึ่งโดยไม่มีตัวผู้อยู่ในวัด แต่เกิดท้องขึ้นมาได้ จึงสันนิษฐานว่าเกิดจากการผสมพันธุ์กับสุนัขจิ้งจอกหรือหมาในที่มีอยู่รอบวัดที่ยังเป็นป่า ต่อมามีการนำไปตรวจสายพันธุกรรม (DNA) ก็พบว่าเป็นพันธุ์ผสมระหว่างสุนัขพื้นบ้านกับสุนัขจิ้งจอก

สุนัขพันธุ์บางแก้วมีลักษณะน่ารักจึงมีคนนำไปเลี้ยง และพบว่าเลี้ยงง่าย ทั้งยังฝึกง่าย มีผู้นิยมไปเลี้ยงมากขึ้นในจังหวัดพิษณุโลก จนแพร่กระจายไปทั่วประเทศ

สุนัขพันธุ์บางแก้วเป็นสุนัขพันธุ์ขนาดกลาง มีลำตัวขนาดสุนัขไทยพื้นบ้านหรือเล็กกว่าเล็กน้อย มีขนปุยยาว มีแผงขนรอบคอยาวเหมือนสิงโต ขนหางเป็นพวงตั้งแต่โคนถึงปลาย ปลายหางโค้งเข้าหาสันหลัง มีสีขาวปลอด สีขาว-น้ำตาล และขาว-ดำ

สุนัขบางแก้วจะขึ้นชื่อในเรื่องดุ มีความซื่อสัตย์ ฉลาด รักและหวงเจ้าของ ไม่ชอบคนแปลกหน้า มีความสามารถในการดมกลิ่นเป็นเลิศ จำเสียงได้แม่น มีความกล้าหาญที่จะสู้กับสุนัขที่ตัวใหญ่กว่า และมีประสาทตื่นตัวอยู่เสมอแม้ในยามหลับ เป็นสายพันธุ์ที่น่าเลี้ยงไว้เฝ้าบ้าน แต่ก็มีนิสัยก้าวร้าวกับสุนัขด้วยกัน จึงไม่ควรเลี้ยงไว้คู่กับสุนัขพันธุ์เล็ก

บทความน่าสนใจ 5 อย่างที่ไม่ควรทำกับพันธุ์สุนัขไทย

อ้างอิงข้อมูลจาก

https://mgronline.com

https://www.lib.ru.ac.th

https://www.dogilike.com