หลายคนคงเจอกับเหตุการณ์สุนัขของเราตั้งท้องจริงๆ หรือน้องแค่ท้องทิพย์ เมื่อคุณเริ่มสงสัยว่าน้องท้องทางที่ดีควรพาพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจตั้งแต่เริ่มด้วยการอัลตร้าซาวน์เป็นการเช็กที่ดีที่สุดนอกจากตรวจว่าท้องจริงไหมยังได้เช็กสุขภาพภายในอื่นๆด้วยนะคะ เพราะในช่วงแรกจะยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายนัก แม่สุนัขจะเริ่มเปลี่ยนแปลงทั้งร่างกายและอุปนิสัยหลังจากสัปดาห์ที่ 5 ที่ร่างกายมีการสร้างสายสะดือเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ และในระหว่างนี้สุนัขอาจมีการแพ้ท้องหรือเบื่ออาหารอยู่บ้าง
การเตรียมการคลอดสุนัขมีหลายอย่างที่เจ้าของจะต้องทำก่อนถึงวันคลอดเพื่อให้มั่นใจว่าน้องหมาของเราและลูกหมาที่เกิดมาจะมีสุขภาพดี
1. ถ้ารู้วันที่ผสมพันธุ์สามารถคำนวณวันที่จะคลอดได้ ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 63 วันหลังผสมพันธุ์ หรือหากไม่ทราบวันผสมที่แน่นอน การอัลตร้าซาวด์สามารถช่วยประเมินวันคลอดได้
2. ควรพาสุนัขมาเอ็กซเรย์ช่วงใกล้คลอดเพื่อช่วยให้ทราบจำนวนลูกและเป็นการประเมินขนาดหัวลูกสุนัขต่อช่องเชิงกรานของแม่สุนัข หากหัวลูกใหญ่กว่าเชิงกรานของแม่มีโอกาสที่ต้องผ่าคลอด
3. วัดอุณหภูมิสุนัขวันละ 4-6 ครั้ง ถ้าอุณหภูมิลดลงอยู่ที่ 97-98 องศาฟาเรนไฮต์ แสดงว่าสุนัขจะคลอดภายใน 12-36 ชั่วโมง
4. ให้สุนัขอยู่ในสถานที่สงบก่อนถึงวันกำหนดคลอด ควรเตรียมสถานที่ให้สุนัขรู้สึกคุ้นเคยและปลอดภัย อาจหากระบะใหญ่ ๆ แล้วหาผ้ามารอง จากนั้นพาแม่สุนัขมาทำความคุ้นเคยสถานที่
เจ้าของควรสังเกตอาการและพฤติกรรมคุณแม่สุนัขอย่างใกล้ชิด ปล่อยให้เขาได้คลอดตามธรรมชาติ โดยที่เราสามารถคอยช่วยได้ ทั้งนี้ การฝากคลอดที่โรงพยาบาลสัตว์ก็เป็นทางเลือกที่ดีในกรณีที่เจ้าของไม่สามารถดูแลสัตว์ในระยะใกล้คลอดได้ เพราะการฝากคลอดจะมีสัตวแพทย์คอยประเมินและคอยช่วยเหลือ
การผ่าคลอดเป็นที่นิยมในสุนัขบางสายพันธุ์ แต่ต้องมีการจัดการหรือคำนวณวันที่ดีเพื่อใช้ในการกำหนดวันผ่าคลอด และต้องปรึกษาสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เนื่องจากระยะตั้งท้องในสัตว์สั้น หากการผ่าคลอดคลาดเคลื่อนจากวันที่กำหนดจะส่งผลต่อพัฒนาการของลูกสุนัข ดังนั้นการผ่าคลอดฉุกเฉินจะใช้ในกรณีที่สุนัขไม่สามารถคลอดลูกตามธรรมชาติได้
เมื่อสงสัยว่า น้องหมากำลังตั้งท้องแนะนำว่า ให้พาน้องหมาไปพบสัตวแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพเพื่อให้สัตวแพทย์ยืนยันว่า น้องหมากำลังต้องท้องอยู่ ซึ่งสัตวแพทย์จะช่วยแนะนำการดูแลสุนัขตั้งท้องในเบื้องต้น อาจตรวจหาภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงสัตวแพทย์อาจจะนัดหมายเพื่อตรวจเช็กความสมบูรณ์แข็งแรงของสุขภาพแม่สุนัขและลูกในท้อง
หากในบ้านมีน้องหมาที่กำลังท้องอยู่ สิ่งที่เจ้าของต้องเตรียมคือ การสร้างพื้นที่สะดวกสบายและปลอดภัยให้พวกเค้า โดยอาจจะจัดเตรียมพื้นที่ก่อนถึงกำหนดตกลูกอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ โดยให้น้องหมาย้ายมายังพื้นที่ใหม่เพื่อให้เค้ารู้สึกคุ้นเคย และรับรู้ว่า พื้นที่ดังกล่าวปลอดภัย สามารถอยู่ได้แบบไม่ต้องกังวล
แนะนำว่า ให้เลือกเป็นมุมห้อง หรือพื้นที่ภายในบ้านที่มีความเงียบสงบ ส่วนตัว ไม่มีเสียง หรือสภาพแวดล้อมที่ถูกรบกวนได้ง่าย นำเบาะนอน หรือเตียง พร้อมกับผ้าห่มวางไว้ เพราะน้องหมาที่จะตกลูกมักจะหาที่เงียบสงบ และปลอดภัย ดังนั้น การเตรียมตัวจัดพื้นที่ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยทำให้การตกลูกสุนัขผ่านไปได้ด้วยดี และสามารถช่วยคลายความกังวลให้กับน้องหมา รวมถึงตัวเจ้าของเองด้วย
หลังจากเลือกมุมห้องที่สงบและปลอดภัยเพื่อเตรียมเป็นพื้นที่สำหรับการตกลูกแล้ว สิ่งที่เจ้าของต้องทำต่อมาก็คือ อำนวยความสะดวกให้กับน้องหมาที่กำลังท้อง นั่นก็คือ วางชามอาหารและชามน้ำไว้ใกล้ ๆ กับน้องหมาเพื่อให้น้องหมาสามารถลุกไปกินอาหารและน้ำได้สะดวก นอกจากนี้ยังจะช่วยให้แม่สุนัขสามารถกินอาหารและน้ำได้โดยไม่ต้องทิ้งลูกสุนัขเอาไว้ ซึ่งในช่วงเพิ่งตกลูกใหม่ ๆ แม่สุนัขจะมีพฤติกรรมหวงลูก ทำให้ไม่อยากลุกเดินไปกินอาหาร หรือออกไปขับถ่ายในจุดที่ไกลเกินไป
ในช่วงที่น้องหมากำลังตั้งท้องแนะนำว่า ให้ป้อนอาหารลูกสุนัขให้น้องหมาท้องแก่ในช่วง 1/3 สุดท้ายก่อนถึงกำหนดตกลูก เนื่องจากน้องหมาที่ตั้งท้องควรกินอาหารลูกสุนัขคุณภาพสูงที่มีโปรตีนและแคลเซียมสูงเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการผลิตน้ำนมในปริมาณมาก
อ้างอิงข้อมูลจาก
RESOURCES
COMPANY
ONLINE SHOP
Copyright 2002 – 2023 © Fabulous And Gorgeous Co.,Ltd.